รู้จักรถของคุณจากข้างใน
เพื่อการเดินทางอันราบรื่น

การซื้อรถถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ หลายๆ คนจึงมักดูแลเอาใจใส่รถเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่ารถของตนจะวิ่งได้ยาวนานที่สุด นอกจากนี้ บรรดาเจ้าของรถจะต้องดีใจถ้าได้รู้ว่ารถรุ่นใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่มีคุณภาพกว่าและออกแบบมาให้ใช้งานได้นานกว่า แต่ทว่า แล้วอย่างนี้บรรดาเจ้าของรถจะคาดหวังให้รถของตนวิ่งโลดแล่นได้นานแค่ไหน คำตอบสั้นๆ ก็คือ ถ้าดูแลอย่างเหมาะสม รถของคุณมักจะวิ่งได้อย่างน้อย 10 ปีเลยทีเดียว

จากผลการสำรวจยานยนต์โดย IHS เมื่อไม่นานมานี้ พบว่ารถในสหรัฐฯ มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 11.5 ปี ในทวีปเอเชีย ตัวเลขนี้ตกลงมาอยู่ที่ 6.5 ปี โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ผู้ขับขี่มีความต้องการเปลี่ยนรถบ่อยกว่า มากกว่าจะเป็นปัญหาเรื่องคุณภาพรถ อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก คือเราจะต้องตระหนักด้วยว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของชิ้นส่วนภายในรถ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ สภาพถนน หรือแม้กระทั่งรูปแบบการขับขี่ ด้วยเหตุนี้ การดูแลเอาใจใส่ให้ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในรถอยู่ในสภาพดีจึงจะส่งผลดีในระยะยาว

และนี่คือบทความสั้นๆ ที่จะทำให้คุณรู้จักองค์ประกอบสำคัญภายในรถที่คุณจะต้องหมั่นตรวจสอบดูแล เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางของคุณจะเป็นไปอย่างราบรื่น นุ่มนวล และปลอดภัย

หัวใจสำคัญของรถทุกคันคือ เครื่องยนต์ การดูแลเครื่องยนต์ภายในรถให้อยู่ในสภาพดีที่สุด เริ่มต้นได้ด้วยการหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นประจำหรือทุกๆ 2 เดือน หรือทุกๆ ประมาณ 10,000 กม. น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หล่อลื่นให้กับชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวอยู่ในเครื่องยนต์ เพื่อช่วยลดการเสียดสีของชิ้นส่วนต่างๆ ตลอดจนระบายความร้อนที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงานและสร้างความเสียหายให้กับส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์ นอกจากนี้ น้ำมันเครื่องยังช่วยขจัดเศษสิ่งสกปรกและฝุ่นผงที่อาจหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ การดูแลอย่างเหมาะสมจะทำให้เครื่องยนต์เบนซินทั่วไปใช้งานได้มากกว่า 480,000 กม. ซึ่งนับเป็นระยะทางเพียงพอให้คุณเดินทางผ่านเส้นรอบโลกได้ถึง 12 รอบเลยทีเดียว

นอกจากเครื่องยนต์แล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่น เช่น ชุดเกียร์ ที่ต้องการการบำรุงรักษาเป็นระยะเช่นเดียวกัน แม้โดยทั่วไป ชุดเกียร์มักจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่น้ำมันเกียร์อาจเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรเนื่องด้วยปัจจัยภายนอก ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงจึงแนะนำให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์พร้อมกันหลังจากใช้งานครบ 100,000 กม. หรือเมื่อครบ 8 ปี เพื่อให้ชุดเกียร์กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง

ระบบช่วงล่างและโช้คอัพเป็นชิ้นส่วนที่มักถูกมองข้าม แต่แท้จริงแล้วพวกมันคือฮีโร่ผู้ปิดทองหลังพระที่คอยดูแลให้คุณเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B ได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกระแทก ชิ้นส่วนเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือน เช่นแรงกระตุกและแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่บนพื้นถนนขรุขระ เมื่อรถขับผ่านลูกระนาด ระบบช่วงล่างจะทำให้ล้อสามารถเด้งขึ้นลง พร้อมทั้งรักษาระยะระหว่างพื้นรถถึงผิวถนน จากนั้นโช้คอัพจะเข้าควบคุมการทรงตัวของรถอย่างรวดเร็วด้วยการลดการเด้งของล้อ โช้คอัพจะอาศัยการดูดซับและกระจายแรงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ล้อรถยังสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา และเพื่อป้องกันไม่ให้ล้อสูญเสียการยึดเกาะ

มองหาสัญญาณบ่งชี้การกัดกร่อนหรือการรั่วไหลของน้ำมันที่โช้คอัพหรือสปริงด้วยการหันล้อหน้าของรถไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือตรวจหาร่องรอยของน้ำบริเวณบูชยางและชิ้นส่วนติดตั้ง แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้นำรถเข้าตรวจเช็คโช้คอัพและระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่างหลังจากใช้งานครบทุกๆ 80,000 กม.

ผ้าเบรกเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยสร้างแรงเสียดทานเพื่อให้รถหยุดจอด ผ้าเบรกควรได้รับการตรวจเช็คทุกๆ 60,000 กม. หรือทุกๆ 2 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะควบคุมสิ่งต่างๆ ได้เสมอ สัญญาณทั่วไปที่บ่งชี้ได้ว่าเบรกของคุณอาจมีความผิดปกติ ได้แก่ การได้ยิน 'เสียงดังแหลม' ผิดปกติในขณะเบรก หรือหากรถมีอาการสั่นหรือสะเทือนขณะเหยียบเบรก อย่างที่เรามักบอกเสมอว่า 'ถ้าสงสัย ให้รีบตรวจสอบ'

ในฐานะผู้ผลิตอะไหล่ยานยนต์ระดับโลกที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรและยานยนต์มาอย่างยาวนานมากกว่า 100 ปี ทำให้ ZF มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเราได้แล้ววันนี้ – เพราะการเดินทางดีๆ เริ่มต้นที่ ZF